Book Now
Empathy Sauce SOULSMITH
empathy tips

Update ชุดความเชื่อ เพื่อลดภาระใจ

 

Self – Empathy Tips

คุณอัพเดทชุดความเชื่อของตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่..

เราติดกับความเชื่อเดิมจนเบียดเบียนชีวิตปัจจุบันไปมากแค่ไหน..

ในช่วงที่ชีวิตหนักหนา เทอะทะ และยุ่งยาก การลดภาระใจที่ไม่ต้องใช้อาจช่วยแบ่งเบา

หลายคนเข้าใจว่าข้อมูลที่เรายึดถือดำเนินมาทั้งชีวิตทั้งหมดคือความจริงที่ดี แต่..กว่าครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เราคิดว่าจริง มันคือความเชื่อที่เราแต่ละคนยึดถือ ไม่ใช่ความจริงแท้ทั้งหมด คำสอน คำบอกเล่า แนวทางชีวิต หลักคุณธรรม ค่านิยม และหลักจริยธรรมต่างๆที่บอกต่อกันมา โดยเฉพาะคำสอนที่เราเชื่อมาตั้งแต่เด็กๆ เป็น ‘หลักที่มนุษย์เชื่อ’ ว่าเป็นแบบนี้หรือทำแบบนี้แล้วดี ต่างหาก ไม่ใช่ความจริง เช่น

  • เด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่
  • ลูกที่ดีห้ามทำให้พ่อแม่เสียใจ
  • ผู้หญิงต้องทำงานบ้านเป็น
  • ผู้ชายต้องดูแลครอบครัว
  • เป็นหัวหน้าครอบครัวอ่อนแอไม่ได้
  • เป็นพี่ต้องดูแลน้อง
  • เรียนจบสูงๆชีวิตจะสบาย
  • ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน

ทั้งบนที่ยกตัวอย่างด้านบนคือถูกต้องหมด แต่… ถูกต้องแค่บางบริบท บางเงื่อนไข มันไม่สามารถประยุต์ใช้ให้สอดรับกับทุกสถานการณ์ได้เสมอไป

ตอนเราเด็กๆ เรามักยึดถือความเชื่อบางอย่างเพื่อเป็นหลักในเส้นทางการเจริญเติบโต บางบ้านเน้นเรื่องความมั่งมี บางบ้านเน้นเรื่องความรัก บางบ้านเน้นเรื่องความนอบน้อมเรียบร้อย แต่ละบ้านเป็นส่วนผสมพิเศษที่มีเอกลักษณ์ต่างกัน แล้วลูกหลานของบ้านนั้นๆก็ยึดคำสอนเป็นความเชื่อในชีวิต

ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดี ที่คนมีหลักยึด เพราะหากไม่มีหลักยึดชีวิตก็คงแกว่งไกวหลุดหล่นไปบนเส้นทางการเจริญเติบโต แต่… พอเมื่อหลายคนเติบโต สิ่งที่ได้รับจากโลกภายนอกและสิ่งที่ประกอบสร้างมาเป็นตัวตนของตัวเองก็เปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู่ช่วงชีวิตเป็นผู้ใหญ่ คนแต่ละคนเริมค้นพบเส้นทาง ความชอบ และความต้องการที่ต่างไปจากความต้องการในสมัยเด็ก ดังนั้น ความเชื่อบางอย่างในวัยเด็กที่เคยทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวการดำเนินชีวิตกลับสร้างความติดขัด อึดอัด และเบียดเบียนสุขสภาวะของตัวตนในปัจจุบัน

  > กี่ครั้งแล้วที่นักเรียนม.ปลายต้องจำใจสอบเข้ามหาลัยที่พ่อแม่ต้องการ แล้วเก็บความต้องการตัวเองไว้ เพราะเชื่อว่าลูกที่ดีต้องเชื่อฟังพ่อแม่ — ลูกเรียนจบว่าแล้วเคว้งคว้างและเว้าแหว่งทางความต้องการเพราะไม่ได้เรียนและทำงานอย่างที่ชอบ

  > กี่ครั้งแล้วที่คนวัยกลางคนหลายคนไม่กล้าบอกความจริงเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของตัวเองให้พ่อแม่ทราบ เช่น ชีวิตนี้ไม่แต่งงานนะ ไม่อยากมีลูกนะ ชอบคนเพศหลากหลายนะ ตอนนี้อยู่บ้านเดียวกับแฟนก่อนแต่งนะ เป็นต้น เพราะกลัวทำให้พ่อแม่ผิดหวังเสียใจ เพราะเชื่อว่าลูกที่ดีห้ามทำให้พ่อแม่เสียใจ — เอาจริงๆ… พ่อแม่เสียใจได้ เขาโตแล้ว เขาจัดการความเสียใจได้ เขาเสียใจมาหลายครั้งมากแล้วตลอดชีวิตนี้ เขาจะผ่านมันไปได้

  > กี่ครั้งแล้วที่ภรรยาที่ทำงานหนักหน่วงช่วงกลางวันรับภาระงานบ้านทั้งหมดในช่วงที่ควรจะเป็นเวลาพักผ่อน เพราะเชื่อว่างานบ้านทั้งหมดคือหน้าที่ของผู้หญิง — งานบ้านขอให้สามีช่วย ลูกช่วย จ้างคน หรือเว้นวรรคไม่ทำสักวันก็ได้ ถ้าตอนนี้คุณเหนื่อยและต้องการการพักผ่อน

  > กี่ครั้งแล้วที่พี่คนโตต้องคอยรับภาระหนักอึ้งในการดูแลน้องๆทั้งๆที่น้องทุกคนอาจจะสามารถอยู่ในวัยที่ดูแลตัวเองได้แล้ว เพราะเชื่อมาแต่เด็กว่านี่คือหน้าที่ของพี่ใหญ่ — พี่สามารถทำเพื่อตัวเองก่อนก็ได้ และน้องๆก็สามารถฝึกหัดดูแลตัวเองได้ และถ้าพี่ไม่ต้องการดูแลน้องมันก็เป็นสิทธิ์ของพี่ล้วนๆที่จะทำหรือไม่ทำ ทุกคนมีเหตุผลซัพพอร์ทในการเลือกทำหรือไม่ทำเสมอ

ทุกคนมีสิทธิ์เชื่ออะไรก็ได้ เพียงแต่..หากเราไม่คอยใคร่ครวญความเชื่อที่แบกและยึดมาตั้งแต่เด็กแล้วคอยไตร่ตรองอีกทีว่ามันเข้ากันกับเงื่อนไขชีวิตในปัจจุบันไหม ความเชื่อที่คอยนำทางและสร้างความมั่นคงให้กับใจตอนวัยเด็กนั้น อาจจะทำหน้าที่กลายเป็นอุปสรรคก้อนใหญ่ที่ทั้งถ่วงดึงชีวิตในเวอร์ชั่นปัจจุบันให้เป็นไปอย่างทุกข์ทนโดยไม่จำเป็น

และ..ถ้าใคร่ครวญความเชื่อนั้นแล้ว อยากจะคงมันไว้ มันก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะชีวิตแต่ละคนก็มีสิทธิ์จะเลือกเองว่าจะเชื่ออะไรหรือไม่เชื่ออะไร และการได้กลับมาใคร่ครวญก็ถือว่าได้แวะมาสำรวจดูใจดูหลักคิดตัวเองให้เท่าทันมัน นั่นก็เป็นเป็นประโยชน์มากพอ

เราสามารถปล่อย วาง คิดทวนใหม่ได้ มันไม่ได้หมายความว่าที่เคยเชื่อมาผิดอะไร แต่.. แค่ความเชื่อเดิมอาจจะไม่ได้เข้ากับตัวตนเรา ณ ปัจจุบันนี้ก็ได้ เพราะเราตอนนี้ กับเราตอนนั้นก็ต่างกัน

 

#corebelieves #empathysauce #selfempathytips