ทักษะที่หล่นหายไปและไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงเท่าไหร่ คือทักษะการหายโกรธ
เราได้รับรู้กันอย่างแพร่หลายแล้วว่าการมีอารมณ์โกรธเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ โกรธข้าวโกรธของ โกรธโชคชะตา โกรธคนตรงหน้ารวมไปถึงโกรธตัวเอง โกรธกันได้ มันเกิดขึ้น
แต่พอมันเกิดขึ้น แต่ละคนทำยังไงกับความโกรธนั้น เพราะเราโกรธกันอยู่แล้วเมื่ออยู่ในความสัมพันธ์ มันปกติ…
..บางคนขังความโกรธไว้ให้มันปั่นไปเป็นแรงขับในการใช้ชีวิต ชีวิตไปต่อได้ดีแต่มีแรงโกรธและฮอร์โมนความเครียดหล่อเลี้ยงเป็นเสบียงใจไปบางๆตลอดเวลา
..บางคนตัดความโกรธด้วยการสะบั้นสัมพันธ์ออกไป โกรธใครก็เอาคนนั้นออกจากวงจร จะได้ไม่เจอ ไม่สะกิดใจ ไม่ต้องนึงถึงความโกรธที่เคยมีให้กันและกัน หลายคนทำอย่างนั้นและสูญเสียความสัมพันธ์ไปกับหลายคน ไม่ใช่เพราะช่วงเวลาที่ดีมันไม่มี แต่พอโกรธกันทีแล้วก็คลายโกรธออกจากใจไม่ได้ ก็..เคืองใจกันจนต้องเลิกคบกันไป บางทีอยากถามว่าเหนื่อยไหมที่ต้องสร้างความสัมพันธ์ใหม่ตลอดเวลา
..บางคนปล่อยให้เวลาแช่แข็งความโกรธไว้ ไม่พูดถึง ไม่มองเห็น ไม่ละลาย แต่พอนานๆทีมีอะไรทำให้ร้อนใจหรือจี้จุดความโกรธก็หลุดจากเบ้าน้ำแข็งออกมากระจัดกระจาย สร้างความแหลกสลายเกินความควบคุม
คุณเป็นแบบไหน หรือเป็นแบบบอกทุกคนว่าจะไม่มีวันโกรธใคร ไม่เคยโกรธใครจริงๆ อันนี้ยิ่งน่าห่วงกว่าวิธีด้านบนที่ว่าไว้ เพราะคุณจะไม่ค่อยเคยได้ฝึกการจัดการกับความโกรธเท่าไหร่ แล้วพอโกรธขึ้นมาจริงๆจะหายยากยิ่งกว่าใคร.
ทักษะการหลายโกรธไม่ใช่แค่การอภัยต่อกัน.. ไม่ใช่แค่พูด “ขอโทษ ขอโทษ” แล้วจบไป..
มันเริ่มจากการมองเห็นหรือจับได้ว่ามีความโกรธในใจ ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น หาวิถีค่อยๆปล่อยมันละลายด้วยการระบายอย่างละมุนละม่อม แล้วค่อยๆคลายความร้อนรุ่มออกไป ตอนคลายความโกรธ ไม่ให้คลายไปที่คนที่เราโกรธ ไปจัดการตัวเองก่อน แยกให้ได้ว่าจัดการความโกรธกับสื่อสารถึงความโกรธมันไม่ต้องอยู่ในเวลาเดียวกัน
จากนั้น..เมื่อใจเย็น หาวิธียาผนังใจตัวเองให้เรียบเนียนแข็งแกร่งก่อน คล้ายๆกับการโป๊วอะไรสักอย่างไปบนพื้นผิวที่ร้าวจากแรงปะทะในใจ ฟังเสียงในความคิดของตัวเองจนมันอยู่ในโทนที่เย็นสงบได้ แปลว่าทำพอแล้ว.. ตรงนี้ใช้เวลาได้ ห้านาที ห้าชั่วโมง ห้าวัน เวลาใครเวลามัน..
ระหว่างปล่อยให้เสียงเย็นๆของตัวเองปาดลูบพื้นผิวในห้องใจไปพลาง คล้ายการปาดมือเปียกๆไปบนผนังดินชุ่มๆจนมันกลายมาเป็นภาชนะที่มีพื้นที่ว่างอีกครั้ง ก็อยู่กับสิ่งที่วนเวียนในใจไปเรื่อยๆ นั่นคือภาพของการจัดการด้านในใจของตัวเอง และเมื่อมันที่ว่างในใจมากขึ้น มันแปลว่ามันพร้อมรับเรื่องต่างอย่างโอบอุ้มได้อีกครั้ง
..เมื่อนั้นเอื้อมตัวเอื้อมใจเข้าไปในความสัมพันธ์กับคนหรือของที่เราเกรี้ยวโกรธ ไปเชื้อเชิญให้เขาเอาความโกรธมาเทใส่ภาชนะเราด้วยน้ำเสียงเย็นใจ บอกเขาเบาๆว่าเรารู้สึกอย่างไรและเปิดพื้นที่ให้เขาบอกเราบ้างก็ได้ เขาจะได้ลดแรงโกรธที่อัดอั้นถ่ายเทสิ่งนั้นมาให้เรา และเราจะได้ช่วยยาความสัมพันธ์และยาใจของกันและกัน ทำกับใจเขาเหมือนที่ทำกับใจเรา เมื่อนั้น..เมื่อใจทั้งสองถูกยาจนเนื้อกลับมาแน่นสนิท เรามองหน้ากัน เราจะสามารถเห็นความหวังของการกลับมาแน่นแฟ้นและห่วงหากันได้เหมือนเดิม
ยาใจที่ว่าคือความรัก… เมื่อรู้จักความรักและรู้ว่าวันยาใจกันและกันได้ เราจะรู้ว่าศักดิ์ศรีหรือความถูกผิดอะไรอาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่ามิตรสัมพันธ์ที่ทั้งสองคนร่วมมีต่อกันมายาวนาน..
ขอบคุณทุกหน้าตาความรักที่ผ่านเข้ามาในชีวิต การเรียนรู้จักความรักจากทุกสิ่งทุกอัน สามารถนำมาใช้กับจังหวะความโกรธกันและเชื่อมความสัมพันธ์ได้ดังนี้
และถ้าวันนี้จะยังไม่สามารถหายโกรธได้หมดจดดี ใช้เวลานานและเครื่องมือบวกวิธีการอันมากมาย และสุดท้ายก็อาจจะยังทำไม่ได้ มันก็ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องที่ต้องฝึกกันไป ถึงจะทำได้มากขึ้นทุกวันๆ