Book Now
Empathy Sauce SOULSMITH
Uncategorized

การ ‘ยอมรับ’ เพื่อเผชิญกับภาวะวิกฤต

สภาวะวิกฤตในชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากจะเจอ แต่บางครั้ง มันก็เกิดขึ้น
เช่น  มีภาระหนี้สิน หาทางออกไม่ได้
โดนเลิกจ้างงานกะทันหัน รู้สึกมืดแปดด้าน
จำเป็นต้องยุติความสัมพันธ์กับคนรัก
ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกอย่างไร

ทางเลือกหลักๆ ที่เราจะใช้จัดการกับความรู้สึกของเราได้ คือ

  1. หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น
  2. ยอมรับและเผชิญหน้ากับความจริง

ทางเลือกแรก เลือกที่จะหลีกเลี่ยง มักจะมาพร้อมกับความคิดว่า
‘มันไม่จริง’
‘มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา’

ซึ่งอาจนำไปสู่การโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น หรือการโทษว่าตัวเราเองนั่นแหละที่ผิด เกิดเป็นความรู้สึกโกรธตัวเอง โกรธคนรอบข้าง และอาจจบด้วยการทำร้ายคนอื่นหรือทำร้ายตัวเอง โดยที่สิ่งที่เป็นสาเหตุยังคงอยู่เช่นเดิม

ทางเลือกที่สอง เลือกที่จะเผชิญหน้า
อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเลือกเส้นทางนี้ เพราะต้องอาศัยปัจจัยทางใจหลายอย่างที่จะทำให้สามารถตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางนี้ได้อย่างเต็มที่
ขั้นแรกๆ คงต้องสามารถที่จะ ‘ยอมรับ’ ก่อน

แล้วเราจะยอมรับอะไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้สามารถเผชิญหน้ากับสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นได้

1. ยอมรับสภาวะจริง
เริ่มจากยอมรับก่อนว่ามันเกิดขึ้นจริง และมันเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย

การที่เราเป็นหนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
การที่เราโดนบอกเลิกจ้างงาน อกหัก โดนแฟนทิ้ง มันเกิดขึ้นได้ และมันไม่ได้เกิดกับเราคนเดียว


2. ยอมรับสภาวะใจ
แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากเจอกับสภาวะวิฤตในชีวิต
สภาวะเช่นนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจ และความรู้สึกของเรา
เราอาจมีเรื่องราวมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว ทั้งเรื่องในอดีต และอนาคต จนเกิดเป็นความกังวล

หากเราอยากที่จะจัดการกับมัน ลองโยนความกังวลนี้ออกมาจากหัว
ลองเขียนมันออกมา

เมื่อเราเห็นภาพรวมทั้งหมดออกมาเป็นรูปธรรม เราจะสามารถเลือกได้ว่า อันไหนเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของเรา อันไหนที่เราสามารถจัดการได้ อันไหนที่เราควรจัดการก่อน

3. ยอมรับความช่วยเหลือ

สภาวะวิฤต มักเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว
การยอมรับว่าเราต้องการตัวช่วย ไม่ได้แปลว่าเราแย่ เราอ่อนแอเสมอไป
เราได้เลือกแล้วว่า เราต้องการเผชิญหน้ากับปัญหา และการจะผ่านพ้นมันไปได้ เราต้องการความช่วยเหลือ

  • Mental – ความช่วยเหลือทางใจ
    เป็นความช่วยเหลือแรกที่เราต้องการ หากจิตใจเรายังไม่พร้อม คงยากที่เราจะมีกะจิตกะใจไปทำอะไรต่อ
    ลองหาใครสักคนที่สามารถรับฟังเราได้ว่าตอนนี้เรากำลังลำบาก รู้สึกอึดอัด และเครียดกับสิ่งที่เราเผชิญอยู่
    หรือ หากเราเริ่มรู้ตัวว่าเริ่มจะไม่ไหวกับความรู้สึกเช่นนี้แล้ว การเข้าหาผู้เชี่ยวชาญ นักบำบัด หรือแพทย์ ก็อาจเป็นเรื่องจำเป็น
  • Knowledge – ความช่วยเหลือทางความรู้
    เมื่อจิตใจเราพร้อม ตัวเราก็จะพร้อมที่เรียนรู้ว่า เราจะทำอย่างเราถึงจะผ่านพ้นไปได้
    หากเราเผชิญหน้ากับภาวะเป็นหนี้ เราอาจต้องการความรู้ด้านการเงิน หรือการจัดการหนี้ เราอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าเราควรทำอย่างไร
    หากเราเชิญกับภาวะวิกฤตทางร่างกายหรือจิตใจ เราอาจต้องการหาข้อมูลเรื่องโรค อาการ หรือสถานที่ที่สามารถช่วยเหลือเราได้ การโทรถาม หรือโพสต์ถามในโซเชียล ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกเช่นกัน
  •  Action – ความช่วยเหลือทางปฏิบัติ
    บ่อยครั้งที่ความรู้อย่างเดียวยังไม่พอ เราต้องการกำลังคน หรือปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นรูปธรรม เช่นสถานที่ สิ่งของต่างๆ
    เราอาจถูกบอกเลิกจ้างงาน และเราต้องดูแลคนที่บ้าน เรามีทางออกแล้วว่าเราสามารถหารายได้จากการไปขับรถรับจ้างได้ สิ่งที่เราต้องการความช่วยเหลือคือคนที่ไว้ใจได้เพื่อมาดูแลแทนเรา เราก็สามารถที่โฟกัสไปที่การหาความช่วยเหลือนี้

4. ยอมรับการมองทะลุให้เห็นว่า คุณค่าอะไรที่เราได้เสียไปพร้อมๆ กับสิ่งนั้นบ้าง

เช่น เมื่อเรามีหนี้สิน / สูญเสียคนรัก / สูญเสียงาน
เราได้สูญเสียความมั่นคง ความปลอดภัย ความมีคุณค่าในตัวเอง ไปด้วย

เราลองมองให้ทะลุว่าสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต แล้วเรายังมีทางไหนอีกบ้างที่จะช่วยให้เรากอบกู้คุณค่าเหล่านั้นกลับมา เพื่อให้เราพร้อมที่จะมีชีวิตต่อไป

 #EmpathySauce