หลายคนเคยถูกสอนว่าเมื่อใครทำอะไรควรดูที่เจตนาของเขา พอมาเป็นฝั่งเราที่จะทำอะไรสักอย่างเราก็เผลอคิดว่าเจตนาดีอย่างเดียวน่าจะพอ
เอาเข้าจริง..มีแค่เจตนาดีถือไว้ ไม่เพียงพอ..
เพราะ.. วิธีกระทำหรือพฤติกรรมที่เลือกมาส่งเจตนาออกไปสามารถบิดเบือนเจตนาตั้งต้นได้เหมือนกัน และในหลายครั้งการกระทำให้ผลที่ตรงกันข้ามไปอย่างสิ้นเชิงจากเจตนาที่แท้จริง
เช่น
#แม่ที่ห่วงลูกมาก แต่แสดงออกด้วยการดุ ด่า ตวาด และพูดจาแรงใส่ลูก ลูกก็รู้สึกเจ็บมากกว่ารู้สึกถึงความห่วงใย
#คนที่รู้สึกว่าเพื่อนสนิทความสำคัญของตัวเองน้อยลง แสดงออกด้วยการมึนตึงใส่คนนั้น พูดจากระแทกกระทั้น ประชดประชัน เพื่อนที่โดนประชดก็เข้าใจว่าเพื่อนเกลียด ไม่อยากให้เข้าใกล้
#ครูที่ต้องการสอนให้ลูกศิษย์จำไว้ว่าพฤติกรรมนี้ควรปรับปรุง แสดงออกด้วยการใช้อำนาจและความรุนแรงทำโทษจนหนักหน่วง เด็กก็เข้าใจว่าถูกทำร้ายจิตใจ เราได้ยินบ่อยกับคำว่า “ลงโทษเกินกว่าเหตุ”
#แฟนโกรธตะโกนไล่ “ออกไป ไปไกลๆ!!” ทั้งที่ความจริงคืออยากให้อีกฝั่งอยู่ด้วยจับใจ (และในความจริงพอแฟนไปจริงๆตามที่พูดไป ก็โกรธเป็นไฟกว่าเดิม)
ทำไมทำไม.. ทำไมคนเจตนาดีถึงแสดงออกด้วยวิธีที่ไม่ตรงกับใจ…
- ผู้ที่เจตนาดียังไม่รู้เลยว่าเจตนาที่แท้จริงของใจตัวเองคืออะไร เลยทำไปโดยไม่รู้จริงๆ มันเลยออกมาไม่ตรงเจตนา นั่นเป็นที่มาของความสำคัญในการรู้จักตัวเองและเข้าใจตัวเอง
- วิธีการแสดงออกเป็นแบบที่เคยได้รับมาหรือเคยพบเห็น เช่น เด็กๆก็เคยโดนดุ ตอนเป็นนักเรียนครูก็ทำโทษแรงๆ พอโตมาก็ทำคล้ายๆอย่างนั้น เป็นต้น
- ไม่เท่าทันอารมณ์ตัวเองที่มี — เจตนาดีแต่เจ้าตัวจัดการความรู้สึกไม่ได้ เช่น แม่ห่วงมากและก็โกรธด้วยที่ลูกทำให้กังวล แล้วแม่ก็ไม่ได้จัดการอารมณ์ตัวเอง พุ่งอารมณ์โกรธแนบไปกับเจตนา หน้าตาออกมาเป็นด่าพุ่งกลางแสกหน้าลูกไปเลย เป็นต้น และบางทีอารมณ์ที่แอบแฝงมาก็หลากหลาย เกลียดเอย อิจฉาเอย ไม่มั่นคงเอย การแสดงออกที่มีมันเลยบิดเบือนเจตนาไปไกล
- เหตุผลอื่นๆ (ลองอธิบายกันเองก็ได้ เราทุกคนเคยทำแบบนี้กันหมด)
แล้วจะให้ทำยังไง??
- เจตนายังไง/อยากได้อะไร ให้สื่อสารตรงๆออกไปอย่างที่เจตนา (สื่อสารตรงๆ ไม่เท่ากับ สื่อสารแรงๆทิ่มแทง)
- รู้สึกยังไง พูดออกไปตรงๆอย่างที่รู้สึก พูดออกมาเป็นคำๆจะช่วยให้อีกคนเข้าใจได้ง่าย ถ้าใช้น้ำเสียงและลีลาจะเสี่ยงให้เรื่องบานปลาย
- ถ้าไม่ถนัดสื่อสาร ให้แสดงออกอย่างที่สอดคล้องกับเจตนา ถ้าห่วงแล้วไม่กล้าบอกก็ให้แสดงออกพ้องไปกับความห่วงใย
จะเริ่มสื่อสาร “ตรงกับเจตนาจริงๆ” ยังไง..
- ทำงานกับตัวเอง ใช้เวลาคิดใคร่ครวญกับตัวก่อนว่ารู้สึกอะไร/ต้องการอะไร
- เมื่อได้คำตอบ ใช้เวลาตัวเองจัดการอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่ควบคุมน้ำเสียงและท่าทีได้ (อันนี้ใช้เวลามากน้อยตามระดับทักษะจัดการอารมณ์แต่ละคน)
- เมื่อมีโอกาส/สร้างโอกาส/ รอโอกาส สื่อสารตรงๆ แสดงออกตรงๆ กับอีกฝ่าย
- โอกาสนั้นคืออะไร… เมื่อเขาพร้อมจะฟัง เมื่อเขาไม่ยุ่ง และเมื่อเขาไม่ท่วมท้นกับอารมณ์ของเขาเช่นกัน
ฝึกยังไง..
- ฝึกระบุอารมณ์ตัวเองให้ได้ว่ากำลังมีความรู้สึกอะไร ฝึกตอนว่างๆ สุ่มฝึกระหว่างวัน ว่างๆก็ถามตัวเองขึ้นมาว่า “เอ…ตอนนี้เรามีอารมณ์อะไรอยู่นะ” เช่น สบายใจ กังวล ตื่นเต้น ระทึกใจ มีความสุข เป็นต้น
- “เราต้องการสื่อสารอะไร” คำถามนี้ก็ใช้ฝึกเช่นกัน ใช้เวลาประมาณสักห้านาทีก่อนจะเข้าไปพูดอะไรกับใคร ถามตัวเองก่อนว่าจะเข้าไปคุยอะไร ต้องการอะไร และไม่ใช่แค่ถาม แต่ฝึกหาคำตอบที่ชัดเจนให้ได้กับตัวเองก่อนสืบเท้าเข้าไปเปิดบทสนทนากับคนอื่น
- ฝึกการควบคุมอารมณ์ตัวเอง เงี่ยหูฟังเสียงตัวเองให้ดี ลองควบคุมโทนเสียงตัวเองให้มั่นคง เรียบ สงบ เท่าที่จะทำได้ดูบ่อยๆ บ่อยเท่าที่อยากเล่นสนุกกับตัวเอง สั่งกับข้าวด้วยเสียงสงบ บอกทางแท็กซี่ด้วยเสียงสุขุม โทรคุยกับcall centerด้วยเสียงราบเรียบ หรือะไรก็ได้ที่ทำให้เราเป็นผู้ควบคุมวิธีใช้เสียงของตัวเอง ใครจะงงหรือแปลกใจนั่นไม่ใช่กงการของเรา
เคล็ดลับ
- ฝึกสามสิ่งด้านบนนี้เวลาอารมณ์ไม่ปรู๊ดปร๊าด ฝึกตอนภาวะใจยังไม่เข้าขั้นวิกฤต เพราะเวลาวิกฤตไม่ใช่เวลาฝึก
- ฝึกยิ่งบ่อยยิ่งทำได้ไว แค่คิดได้แต่ไม่ฝึก = ไม่เกิดทักษะเพิ่มขึ้น